นิทานเรื่องกระต่ายกับเต่า

นวนิยาย: กระต่ายกับเต่า - ชัยชนะของความเพียร
บทที่ 1: ความเร็วที่ไร้ซึ่งความยั้งคิด
แสงตะวันสีทองสาดส่องลงบนทุ่งหญ้าเขียวขจี กระต่าย นามของกระต่ายหนุ่มผู้มีขนสีขาวนวลราวปุยเมฆ ดวงตากลมโตสีดำขลับ และขาหลังอันทรงพลังที่พาเขาทะยานไปข้างหน้าด้วยความเร็วเหนือใคร กำลังกระโดดโลดเต้นอย่างสนุกสนาน เขาส่งเสียงหัวเราะคิกคักเมื่อสายลมพัดผ่านใบหูยาวๆ ของเขา
กระต่ายเป็นที่รู้จักดีในหมู่สัตว์น้อยใหญ่แห่งป่าละเมาะแห่งนี้ ด้วยความเร็วที่ไม่มีใครเทียบได้ ทำให้เขามักจะโอ้อวดและขี้คุยอยู่เสมอ ไม่มีใครกล้าท้าทายความเร็วของเขา เพราะรู้ดีว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร
วันหนึ่ง ขณะที่กระต่ายกำลังอวดอ้างสรรพคุณความเร็วของตนเองอยู่ริมธารน้ำใส เต่า นามของเต่าเฒ่าผู้มีกระดองสีน้ำตาลเข้มลวดลายโบราณ ดวงตาเล็กๆ ที่ฉายแววแห่งความอดทนและสุขุม กำลังคลานต้วมเตี้ยมผ่านมาอย่างช้าๆ
"ดูสิ ดูเจ้าเต่าคลานเหมือนหนอนน้อย น่าสงสารจริงๆ กว่าจะข้ามทุ่งนี้ไปได้คงกินเวลาเป็นวันๆ ฮ่าๆๆ" กระต่ายหัวเราะเสียงดังลั่น ใบหูยาวๆ กระดิกไปมาอย่างเยาะเย้ย
เต่าหยุดชะงัก หันมามองกระต่ายด้วยสายตาที่สงบนิ่ง "ความเร็วไม่ใช่ทุกสิ่งในชีวิตหรอกนะ เจ้ากระต่าย"
"ไม่ใช่ทุกสิ่งงั้นหรือ? เจ้าเต่าเอ๋ย เจ้ามันช้าจนตามใครไม่ทันเสียด้วยซ้ำ หากมีการแข่งขันวิ่ง เจ้าก็คงได้แต่ฝุ่นตลบเท่านั้น ฮ่าๆๆ" กระต่ายยังคงไม่ลดละคำพูดเยาะเย้ย
เต่าถอนหายใจเบาๆ แต่ในแววตากลับมีความมุ่งมั่นซ่อนอยู่ "ถ้าเช่นนั้น...เรามาลองแข่งขันกันดูไหมเล่า เจ้ากระต่าย"
คำท้าทายของเต่าทำให้กระต่ายถึงกับหยุดหัวเราะ เขามองเต่าด้วยความประหลาดใจระคนขบขัน "แข่งขันกับเจ้าเนี่ยนะ? เจ้าคลานช้าขนาดนั้น กว่าจะถึงเส้นชัย ข้าคงวิ่งไปกลับได้เป็นสิบรอบ ฮ่าๆๆ"
"ถึงข้าจะช้า แต่ข้าก็มีความเพียร หากเจ้าประมาทและหยุดชะงัก ข้าอาจจะไปถึงเส้นชัยก่อนเจ้าก็ได้" เต่ากล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
คำพูดของเต่าจุดประกายความสนใจในตัวกระต่าย เขาคิดว่ามันเป็นเรื่องตลกสิ้นดีที่จะแข่งกับเต่า แต่ด้วยความมั่นใจในความเร็วของตนเอง และความอยากที่จะสั่งสอนความหยิ่งยโสของเต่า กระต่ายจึงตอบตกลง
"ได้เลย เจ้าเต่า! ข้าจะให้โอกาสเจ้าได้ลิ้มรสความพ่ายแพ้อย่างชัดเจน เราจะแข่งกันไปจนถึงต้นไม้ใหญ่บนเนินเขานั่น ใครถึงก่อนเป็นผู้ชนะ" กระต่ายชี้ไปยังต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ไกลออกไป
สัตว์น้อยใหญ่ในป่าละเมาะต่างพากันมาเป็นสักขีพยานในการแข่งขันที่ดูเหมือนจะไม่ยุติธรรมนี้ พวกเขาส่งเสียงเชียร์ให้กำลังใจเต่าด้วยความเห็นใจ และมองกระต่ายด้วยสายตาที่ระอาในความโอ้อวดของเขา
บทที่ 2: การเริ่มต้นที่แตกต่าง
เมื่อเสียงสัญญาณเริ่มต้นดังขึ้น กระต่ายก็พุ่งทะยานออกไปด้วยความเร็วราวสายฟ้าแลบ ขาหลังอันแข็งแรงของเขาส่งร่างของเขากระโดดไปข้างหน้าอย่างง่ายดาย ทิ้งให้เต่าค่อยๆ คลานตามมาข้างหลังอย่างช้าๆ
กระต่ายหันกลับมามองเต่าที่ยังคงคลานต้วมเตี้ยมอยู่ไกลลิบๆ เขายิ้มเยาะในใจ "เห็นไหมล่ะ เจ้าเต่า ข้าบอกแล้วว่าเจ้าไม่มีทางชนะข้าได้"
ด้วยความมั่นใจในชัยชนะ กระต่ายจึงตัดสินใจที่จะพักผ่อนเสียก่อน เขาคิดว่าเต่าคงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะตามมาถึง เขาจึงกระโดดเข้าไปใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ข้างทาง หลับตาลงด้วยความสบายใจ
ในขณะที่กระต่ายกำลังหลับใหลอย่างสบายอารมณ์ เต่าก็ยังคงคลานต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ เขาก้าวเท้าเล็กๆ ทีละก้าวอย่างมั่นคง ไม่สนใจเสียงหัวเราะเยาะเย้ยที่เคยได้ยิน ไม่สนใจความเหนื่อยล้าที่เริ่มเข้ามาเกาะกุม
เต่ารู้ดีว่าเขาไม่มีความเร็วเท่ากระต่าย แต่เขามีสิ่งที่กระต่ายไม่มี นั่นคือความอดทนและความเพียร เขาเชื่อมั่นว่าหากเขาไม่หยุดยั้ง สักวันเขาจะไปถึงจุดหมายปลายทาง
เวลาผ่านไปเนิ่นนาน แสงแดดเริ่มแรงกล้าขึ้น กระต่ายยังคงหลับใหลอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว เขาฝันถึงชัยชนะที่ง่ายดาย และเสียงชื่นชมจากสัตว์น้อยใหญ่
บทที่ 3: ความประมาทนำมาซึ่งความพ่ายแพ้
เมื่อแสงแดดเริ่มส่องจ้าลงมา กระต่ายก็รู้สึกตัวตื่นขึ้น เขายืดตัวบิดขี้เกียจ มองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเต่า "ฮึ เจ้าเต่าคงยังคลานอยู่ที่ไหนสักแห่ง ข้ายังมีเวลาอีกเหลือเฟือ" กระต่ายคิดอย่างประมาท
เขากระโดดโลดเต้นต่อไปอย่างสบายใจ ชมทิวทัศน์สองข้างทางอย่างไม่รีบร้อน เขาแวะกินใบหญ้าอ่อนๆ ดื่มน้ำจากลำธารเล็กๆ อย่างเอ้อระเหย เพราะมั่นใจว่าอย่างไรเสียเขาก็ต้องถึงเส้นชัยก่อนเต่าอยู่ดี
แต่แล้ว เมื่อกระต่ายเงยหน้าขึ้นมองไปยังเนินเขา เขาก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ สิ่งที่เขาเห็นทำให้หัวใจของเขากระตุกวูบ
เต่า...เต่ากำลังคลานใกล้ถึงต้นไม้ใหญ่บนเนินเขาแล้ว!
กระต่ายตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เขารีบออกวิ่งสุดกำลัง ขาหลังอันทรงพลังของเขาสับถี่รัว แต่ระยะทางที่เหลืออยู่มันช่างดูยาวไกลเสียเหลือเกิน
เขามองไปยังเต่าที่ยังคงคลานอย่างช้าๆ แต่มั่นคง ใกล้จะถึงเส้นชัยเข้าไปทุกที ความร้อนรนและความเสียใจเริ่มกัดกินหัวใจของกระต่าย เขาตระหนักได้ว่าความประมาทและความหยิ่งยโสของตนเองได้นำพาเขามาสู่สถานการณ์ที่เลวร้ายนี้
กระต่ายพยายามเร่งความเร็วให้มากขึ้นอีก แต่ร่างกายของเขากลับเริ่มอ่อนล้าจากการพักผ่อนนานเกินไป ลมหายใจของเขาหอบถี่ หัวใจเต้นระรัวราวกับกลอง
ในที่สุด กระต่ายก็มาถึงเนินเขาด้วยสภาพที่เหนื่อยหอบ เขาเห็นเต่ากำลังคลานเข้าไปใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ แตะที่ลำต้นอันแข็งแรงนั้นอย่างช้าๆ แต่มั่นคง
เสียงเชียร์ดังกระหึ่มจากเหล่าสัตว์น้อยใหญ่ที่เฝ้ารอชมอยู่ พวกเขาต่างยินดีกับชัยชนะของเต่า ผู้ที่พิสูจน์ให้เห็นว่าความเพียรและความอดทนสามารถเอาชนะความเร็วและความประมาทได้
บทที่ 4: บทเรียนแห่งชีวิต
กระต่ายยืนมองเต่าด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งตกตะลึง เสียใจ และสำนึกผิด เขาไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะพ่ายแพ้ในการแข่งขันวิ่ง และยิ่งไม่เคยคิดว่าจะแพ้ให้กับเต่าที่คลานช้าที่สุดในป่า
เต่าหันมามองกระต่ายด้วยสายตาที่ยังคงสงบนิ่ง "ความเร็วเป็นพรสวรรค์ที่เจ้ามี แต่หากปราศจากความยั้งคิดและความเพียร มันก็ไร้ค่า เจ้าประมาทและหยุดชะงัก ทำให้ข้าผู้ที่ช้ากว่าสามารถแซงหน้าเจ้าไปได้"
คำพูดของเต่าราวกับคมมีดกรีดลึกลงในใจของกระต่าย เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าด้วยความละอายใจ
"ข้า...ข้าขอโทษ ข้าหยิ่งยโสและประมาทเกินไป ข้าสมควรแล้วที่จะพ่ายแพ้" กระต่ายกล่าวด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด
เต่ายิ้มเล็กน้อย "การพ่ายแพ้ไม่ใช่จุดจบ แต่เป็นบทเรียนที่สำคัญ เจ้ายังเด็กและมีโอกาสที่จะเรียนรู้และปรับปรุงตัว จงจำไว้ว่าความเร็วไม่ใช่ทุกสิ่ง ความเพียรและความอดทนต่างหากที่จะนำพาเจ้าไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริง"
นับตั้งแต่วันนั้น กระต่ายก็เปลี่ยนไป เขาเลิกโอ้อวดและขี้คุย เขากลายเป็นกระต่ายที่สุภาพและอ่อนน้อมถ่อมตนมากขึ้น เขาเริ่มฝึกฝนความอดทนและความเพียรพยายาม เรียนรู้ที่จะไม่ประมาทและให้ความสำคัญกับทุกสิ่งที่เขาทำ
เขามักจะไปเยี่ยมเยียนเต่าเสมอ เพื่อขอคำแนะนำและเรียนรู้จากความสุขุมและความอดทนของเต่า มิตรภาพที่แปลกประหลาดระหว่างกระต่ายผู้เร็วรี่และเต่าผู้เชื่องช้าได้ก่อตัวขึ้นอย่างแน่นแฟ้น
เรื่องราวของกระต่ายกับเต่ากลายเป็นนิทานสอนใจที่เล่าขานกันในหมู่สัตว์น้อยใหญ่แห่งป่าละเมาะแห่งนั้น สอนให้ทุกคนได้ตระหนักถึงคุณค่าของความเพียร ความอดทน และความไม่ประมาท เพราะในชีวิตจริง ชัยชนะไม่ได้ขึ้นอยู่กับความเร็วเพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นอยู่กับความมุ่งมั่นและความไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคใดๆ
(จบ)

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

แหล่งท่องเที่ยว77จังหวัด

คำสาบาน

การให้กำลังใจผู้ชม