ความรักคืออะไร

ผมสงสัยมากๆเลยครับว่า อะไรคือความรัก ความรักคืออะไร คือการที่ได้เห็นคนที่ตัวเองรักมีความสุข หรือว่าความรักคือการที่ได้มาคนรักมาครอบครอง มาอยู่ด้วยกัน หรือว่าความรักคือการที่เราได้อยู่กับคนที่รักแล้วมีความสุข... สรุปแล้ว ความรักคืออะไรหรอครับ

ความรัก เป็นความรู้สึก สภาพและเจตคติต่าง ๆ ซึ่งมีตั้งแต่ความชอบ ระหว่างบุคคลหมายถึงอารมณ์การดึงดูดและความผูกพัน (attachment) ส่วนบุคคลอย่างแรงกล้า[1] ในบริบททางปรัชญา ความรักเป็นคุณธรรมแสดงออกซึ่งความเมตตา ความเห็นอกเห็นใจ และความเสน่หาทั้งหมดของมนุษย์ ความรักเป็นแก่นของหลายศาสนา อย่างเช่นในวลี "พระเจ้าเป็นความรัก" ของศาสนาคริสต์ หรืออากาเปในพระวรสารในสารบบ[2] ความรักยังอาจอธิบายได้ว่าเป็นพฤติกรรมต่อตนเองหรือผู้อื่นซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานความเห็นอกเห็นใจ หรือความเสน่หา[3]


ภาพวาดตัวอย่างคู่รัก โรมิโอกับจูเลียต
คำว่า "รัก" สามารถหมายความถึง ความรู้สึก สภาพทางอารมณ์และเจตคติต่าง ๆ ซึ่งอาจมีตั้งแต่ความพอใจทั่วไปจนถึงความดึงดูดระหว่างบุคคลอย่างรุนแรง แต่โดยเจาะจงแล้ว ความรักสามารถหมายถึงความต้องการอย่างเสน่หาและความสัมพันธ์ทางเพศ ซึ่งเป็นความหมายของความรักแบบโรแมนติก ความรักที่มีเพศเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นความหมายของอีรอส (คำภาษากรีกหมายถึงความรัก) ความใกล้ชิดทางอารมณ์ ซึ่งเป็นความหมายของความรักกับบุคคลในครอบครัว หรือรักบริสุทธิ์ที่นิยามมิตรภาพ[4] หรือความรักแบบอุทิศตัวแบบในทางศาสนา[5] ความหลากหลายของการใช้และความหมายของคำว่ารักนี้ ประกอบกับความรู้สึกอันซับซ้อนที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้เป็นการยากที่จะนิยามความรักให้แน่นอน แม้จะเทียบกับสภาพอารมณ์อื่น ๆ แล้วก็ตาม

วิทยาศาสตร์นิยามว่าสิ่งที่เข้าใจได้ว่าเป็นความรักนั้นเป็นสภาพที่มาจากวิวัฒนาการของสัญชาตญาณการเอาตัวรอด โดยพื้นฐานแล้วเพื่อให้มนุษย์อยู่ร่วมกันเพื่อต่อต้านภัยคุกคามและเพื่อสนับสนุนความต่อเนื่องของสายพันธุ์ผ่านการ


รักคืออะไร
รักคืออะไร ยังคงเป็นข้อสงสัยของใครหลาย ๆ คน โดยเฉพาะผู้ที่เพิ่งเริ่มมีความรัก จากที่ไม่เคยได้สัมผัสถึงรักในลักษณะของความสัมพันธ์ที่นอกเหนือจากคนในครอบครัว จึงทำให้เกิดเป็นความรู้สึกแปลกใจ และกลายเป็นคำถามที่มักจะชวนให้หลายคนปวดหัวไม่น้อย กับความรักคืออะไร และแบบไหนที่เรียกว่ารัก ดังนั้นจึงขอแนะนำ 50 นิยามความรักแบบสั้น ๆ ที่จะทำให้คุณเข้าใจความหมายของความรู้สึกนี้มากขึ้น คือ

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานให้ความหมายของคำว่า รัก ไว้ว่า เป็นคำกริยา หมายถึง มีใจผูกพันด้วยความห่วงใย, มีใจผูกพันด้วยความเสน่หา, มีใจผูกพันฉันชู้สาว, ชอบ[7] อย่างไรก็ตาม คำว่า "รัก" สามารถมีความหมายที่เกี่ยวข้องกันแต่แตกต่างกันชัดเจนจำนวนมากขึ้นอยู่กับบริบท บ่อยครั้งที่ในแต่ละภาษาจะใช้คำหลายคำเพื่อแสดงออกซึ่งแนวคิดเกี่ยวกับความรักที่แตกต่างกัน ตัวอย่างหนึ่งคือการที่ในภาษากรีกมีคำหลายคำที่ใช้สำหรับความรัก ความแตกต่างทางวัฒนธรรมในการสร้างกรอบความคิดเกี่ยวกับความรักทำให้เป็นการยากยิ่งขึ้นที่จะหานิยามสากลของความรัก[8]

ในคดีระหว่างพนักงานอัยการ โจทก์, สุดา ปรัชญาภัทร โจทก์ร่วม กับเสริม สาครราษฎร์ จำเลย ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6083/2546)

"...ความรักเป็นสิ่งที่เกิดจากใจไม่อาจบังคับกันได้ ความรักที่แท้จริงคือความปรารถนาดีต่อคนที่ตนรักความยินดีที่คนที่ตนรักมีความสุข การให้อภัยเมื่อคนที่ตนรักทำผิด และการเสียสละความสุขของตนเพื่อความสุขของคนที่ตนรัก จำเลยปรารถนาจะยึดครองผู้ตายเพื่อความสุขของจำเลยเอง เมื่อไม่สมหวังจำเลยก็ฆ่าผู้ตาย เป็นความผิดและการกระทำที่เห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ของจำเลยโดยฝ่ายเดียว มิได้คำนึงถึงจิตใจและความรู้สึกของผู้ตาย หาใช่ความรักไม่ ทั้งเป็นความเห็นผิดที่เป็นอันตรายต่อสังคมอย่างยิ่ง..."

ถึงแม้ว่าธรรมชาติหรือสาระของความรักจะยังเป็นหัวข้อการโต้เถียงกันอย่างบ่อยครั้ง มุมมองที่แตกต่างกันของความรักสามารถทำให้เข้าใจได้ด้วยการพิจารณาว่าสิ่งใดไม่ใช่ความรัก หากความรักเป็นการแสดงออกทั่วไปของความรู้สึกทางใจในแง่บวกที่รุนแรงกว่าความชอบ โดยทั่วไปแล้วจะขัดแย้งกับความเกลียดชัง (หรือภาวะไร้อารมณ์แบบเป็นกลาง) หากความรักมีเรื่องเพศเข้ามาเกี่ยวข้องน้อยกว่าและเป็นรูปแบบความผูกพันทางอารมณ์แบบโรแมนติกที่เกี่ยวกับความสนิทสนมทางอารมณ์และทางเพศ โดยทั่วไปแล้วจะขัดแย้งกับราคะ และหากความรักเป็นความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลที่มีโรแมนติกสอดแทรกอยู่มาก ความรักก็จะขัดแย้งกับมิตรภาพในบางครั้ง ถึงแม้ว่าความรักมักจะใช้หมายถึงมิตรภาพแบบใกล้ชิดอยู่บ่อย ๆ

หากกล่าวถึงแบบนามธรรม โดยปกติแล้วความรักจะหมายถึงความรักระหว่างบุคคล ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่บุคคลหนึ่งรู้สึกกับอีกบุคคลหนึ่ง บ่อยครั้งที่ความรักเกี่ยวข้องกับความรู้สึกเอื้ออาทรหรือคิดว่าตนเองเหมือนกับบุคคลหรือสิ่งอื่น ซึ่งอาจรวมไปถึงตัวบุคคลนั้นเองด้วย นอกเหนือไปจากความแตกต่างในแต่ละวัฒนธรรมในการเข้าใจความรักแล้ว แนวคิดเกี่ยวกับความรักยังได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมหาศาลเมื่อเวลาผ่านไป นักประวัติศาสตร์บางคนเปรียบเทียบแนวคิดสมัยใหม่ของความรักแบบโรแมนติกกับความรักแบบเทิดทูนในยุโรประหว่างหรือหลังยุคกลาง ถึงแม้ว่าการมีอยู่ของความผูกพันแบบโรแมนติกจะปรากฏในบทกลอนรักในสมัยโบราณแล้วก็ตาม[9]

มีสำนวนจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับความรัก นับตั้งแต่ "ความรักเอาชนะทุกสิ่ง" ของเวอร์จิล ไปจนถึง "ทั้งหมดที่คุณต้องการคือความรัก" ของเดอะบีตเทิลส์ นักบุญโทมัส อควีนาส ตามหลังอริสโตเติล นิยามความรักไว้ว่าเป็นความ "ปรารถนาดีแก่ผู้อื่น"[10] เบอร์ทรันด์ รัสเซลล์อธิบายความรักไว้ว่าเป็นสภาพของ "คุณธรรมสูงสุด" ซึ่งปฏิเสธคุณธรรมที่เกี่ยวข้อง

บางครั้ง ความรักถูกกล่าวถึงว่าเป็น "ภาษาสากล" ซึ่งข้ามผ่านความแตกต่างทางวัฒนธรรมและภาษา

ความรักที่ไม่ได้มีต่อบุคคล
แก้
อาจกล่าวได้ว่าบุคคลสามารถรักวัตถุสิ่งของ หลักการแนวคิด หรือเป้าหมาย หากบุคคลนั้นให้ความสำคัญต่อสิ่งดังกล่าวอย่างสูง และผูกมัดตัวเองอย่างลึกซึ้ง เช่นเดียวกัน การเผื่อแผ่ความเห็นอกเห็นใจและ "ความรัก" ของเจ้าหน้าที่อาสาสมัคร บางครั้งอาจก่อให้เกิดเป็นสิ่งที่ไม่ใช่ความรักระหว่างบุคคล แต่เป็นความรักที่ไม่ได้มีต่อบุคคล ซึ่งเกี่ยวข้องกับปรัตถนิยมและความเชื่อมั่นทางจิตวิญญาณหรือทางการเมืองอย่างแรงกล้า[11] บุคคลยังสามารถ "รัก" วัตถุ สัตว์ หรือกิจกรรมได้เช่นเดียวกัน หากพวกเขาอุทิศตัวเองผูกมัดกับสิ่งนั้น หรือมิฉะนั้นก็พิจารณาว่าตัวเองเป็นอย่างเดียวกับสิ่งนั้น หากความเสน่หาทางเพศเข้ามาเกี่ยวข้องกับความรักประเภทนี้ สภาวะดังกล่าวจะถูกเรียกว่า

ความรักระหว่างบุคคล
แก้
ความรักประเภทนี้หมายถึงความรักระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ด้วยกัน โดยเป็นความรู้สึกหรืออารมณ์ที่ทรงพลังว่าการชอบบุคคลอื่นธรรมดา ความรักระหว่างบุคคลนี้เกี่ยวข้องมากที่สุดกับความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล[13] ความรักประเภทนี้อาจเกิดขึ้นระหว่างสมาชิกในครอบครัว เพื่อน หรือคู่รัก นอกจากนี้ยังมีความผิดปกติทางจิตหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับความรัก อย่างเช่น การหมกมุ่นทางเพศ (erotomania)

ตลอดช่วงเวลาของประวัติศาสตร์ ปรัชญาและศาสนาได้ใคร่ครวญเกี่ยวกับปรากฏการณ์ความรักมากที่สุด ในศตวรรษที่ผ่านมา ศาสตร์แห่งจิตวิทยาได้เขียนเกี่ยวกับความรักอย่างมาก และเมื่อเร็ว ๆ นี้ ศาสตร์แห่งจิตวิทยาเชิงวิวัฒนาการ ชีววิวัฒนาการ มานุษยวิทยา ประสาทวิทยาศาสตร์ และชีววิทยาได้เพิ่มเติมความเข้าใจเกี่ยวกับธรรมชาติและการทำงานของความรัก

พื้นฐานเคมี
แก้
เฮเลน ฟิชเชอร์ ผู้เชี่ยวชาญที่เป็นผู้นำในการศึกษาในประเด็นเรื่องความรัก แบ่งแยกประสบการณ์ความรักออกเป็นสามส่วนที่ทับซ้อนกัน ได้แก่ ราคะ ความเสน่หา และความผูกพันทางอารมณ์ ราคะเป็นความรู้สึกที่เกิดจากความต้องการทางเพศ ความเสน่หาแบบโรแมนติกพิจารณาว่าอะไรเป็นสิ่งที่คู่มองว่าน่าดึงดูดและติดตาม ถนอมเวลาและพลังงานโดยการเลือก และความผูกพันทางอารมณ์รวมไปถึงการอยู่ร่วมกัน ภาระพ่อแม่ การป้องกันร่วมกัน และในมนุษย์ยังรวมไปถึงความรู้สึกปลอดภัยและมั่นคง[14] วงจรประสาทที่แยกกันสามวงจร รวมถึงสารสื่อประสาท และยังรวมไปถึงรูปแบบพฤติกรรมทั้งสาม ล้วนเกี่ยวข้องกับรูปแบบโรแมนติกทั้งสามข้างต้น[14]


แผนภาพพื้นฐานทางเคมีของความรักในภาพรวมอย่างง่าย
ราคะเป็นความปรารถนาทางเพศแบบมีอารมณ์ใคร่ในช่วงแรกที่สนับสนุนการหาคู่ และเกี่ยวข้องกับการเพิ่มการหลั่งสารเคมีอย่างเช่น เทสโทสเตอโรนและเอสโตรเจน ผลกระทบเหล่านี้น้อยครั้งนักที่จะเกิดขึ้นนานกว่าไม่กี่สัปดาห์หรือไม่กี่เดือน ส่วนความเสน่หามีความเป็นส่วนตัวมากกว่าและความต้องการแบบโรแมนติกสำหรับบุคคลพิเศษที่เลือกให้เป็นคู่ ซึ่งจะพัฒนามาจากราคะเป็นการผูกมัดกับรูปแบบคู่คนเดียว การศึกษาด้านประสาทวิทยาศาสตร์เมื่อเร็ว ๆ นี้บ่งชี้ว่าบุคคลที่ตกหลุมรัก สมองจะหลังสารเคมีออกมาเป็นชุดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมไปถึงฟีโรโมน โดพามีน นอร์อิพิเนฟริน และเซโรโทนิน ซึ่งจะส่งผลคล้ายกับแอมเฟตามีน กระตุ้นศูนย์ควบคุมความสุขของสมองและนำไปสู่ผลกระทบข้างเคียง อย่างเช่น อัตราเร็วในการเต้นของหัวใจ การสูญเสียความอยากอาหารและการนอน และความรู้สึกตื่นเต้นอย่างรุนแรง การวิจัยได้บ่งชี้ว่าที่ระดับนี้มักจะกินเวลาตั้งแต่ปีครึ่งถึงสามปี[15]

ระดับราคะและความเสน่หาถูกพิจารณาว่าเป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้น ระดับที่สามเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับความสัมพันธ์ในระยะยาว ความผูกพันทางอารมณ์เป็นสิ่งผูกมัดที่สนับสนุนความสัมพันธ์ที่จะกินเวลานานหลายปีและอาจถึงหลายสิบปี ความผูกพันทางอารมณ์โดยปกติแล้วขึ้นอยู่กับการผูกมัดอย่างเช่นการแต่งงานหรือการมีลูก หรือมีมิตรภาพระหว่างกันขึ้นอยู่กับปัจจัยอย่างเช่นมีความชอบร่วมกัน ความรู้สึกเช่นนี้จะเชื่อมโยงกับสารเคมีระดับสูงกว่า ได้แก่ อ็อกซีโทซินและวาโซเพรสซิน เป็นจำนวนมากกว่าในระดับที่เป็นความสัมพันธ์ระยะสั้นกว่า[15] เอ็นโซ อีมานูเอลและเพื่อนร่วมงานได้รายงานว่าโมเลกุลโปรตีนที่เป็นที่รู้จักกันในชื่อ ปัจจัยกระตุ้นการเจริญเติบโตของระบบประสาท (NGF) จะมีระดับสูงเมื่อบุคคลตกหลุมรักเป็นครั้งแรก แต่จะกลับคืนสู่ระดับปกติหลังจากนั้นเป็นเวลาหนึ่งปี[16]

พื้นฐานจิตวิทยา
เหมือนกับความหิวหรือความกระหาย[25] ขณะที่นักจิตวิทยามองว่าความรักเป็นปรากฏการณ์ทางสังคมและวัฒนธรรมมากกว่า มีความเป็นไปได้ที่จะพบส่วนที่เป็นความจริงในมุมมองทั้งสองนี้ แน่นอนว่าความรักได้รับอิทธิพลมาจากฮอร์โมนและฟีโรโมน ตลอดจนวิธีการที่บุคคลคิดหรือประพฤติเกี่ยวกับความรักนั้นได้รับอิทธิพลมาจากแนวคิดเกี่ยวกับความรักของบุคคลผู้นั้นเอง มุมมองตามแบบชีววิทยาคือว่ามีปัจจัยขับเคลื่อนความรักที่สำคัญสองประการ ได้แก่ ความดึงดูดทางเพศและความผูกพันทางอารมณ์ ความผูกพันทางอารมณ์ระหว่างผู้ใหญ่นั้นได้รับการสันนิษฐานว่ามีหลักการเดียวกับที่นำให้ทารกผูกพันกับแม่ของตน ส่วนมุมมองตามแบบจิตวิทยามองความรักว่าเป็นการประกอบกันของความรักแบบเพื่อนและความรักแบบหลงใหล ความรักแบบหลงใหลนี้เป็นความปรารถนาอย่างแรงกล้า และบ่อยครั้งที่มีอาการเร้าอารมณ์ทางสรีรวิทยาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย (หายใจกระชั้น หัวใจเต้นเร็ว) ความรักแบบเพื่อนนี้เป็นความเสน่หาและความรู้สึกใกล้ชิดแต่ไม่ได้มีการเร้าอารมณ์ในทางสรีรวิทยาเข้ามาเกี่ยวข้อง

มุมมองทางวัฒนธรรม
แก้
จีน
แก้
รากฐานของความรักในทางปรัชญานั้นได้ปรากฏมานานแล้วในประเพณีจีนถึงสองลัทธิ อันหนึ่งมาจากลัทธิขงจื๊อซึ่งให้ความสำคัญกับการปฏิบัติตนและหน้าที่ต่อผู้อื่น ส่วนอีกอย่างหนึ่งนั้นมาจากลัทธิม่อจื๊อซึ่งสนับสนุนความรักสากล แนวคิดแกนกลางของลัทธิขงจื๊อ คือ เริน (仁, "ความรักแบบกุศล") ซึ่งมุ่งเน้นไปยังหน้าที่ การปฏิบัติตน และทัศนคติในความสัมพันธ์มากกว่าความรักด้วยตัวของมันเอง ในลัทธิขงจื๊อ บุคคลหนึ่งจะแสดงความรักแบบกุศลได้โดยประพฤติตนอย่างเช่น เด็กแสดงความกตัญญูกตเวที บิดามารดาแสดงความเมตตา และประชาชนแสดงความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ เป็นต้น

แนวคิดของ "อ้าย" (愛) ถูกพัฒนาขึ้นโดยนักปรัชญาจีน ม่อจื๊อ ในศตวรรษที่ 4 ก่อนคริสตกาลเพื่อคัดค้านความรักแบบกุศลตามลัทธิขงจื๊อ ม่อจื๊อพยายามแทนที่สิ่งที่เขาคิดว่าเป็นการผูกติดกับครอบครัวและโครงสร้างของเผ่ามากเกินไปของชาวจีนที่มีสืบต่อกันมาช้านาน ด้วยแนวคิดของ "ความรักสากล" (jiān'ài, 兼愛) เขาโต้แย้งโดยตรงต่อลัทธิขงจื๊อผู้ซึ่งเชื่อว่ามันเป็นธรรมชาติและถูกต้องสำหรับผู้คนที่จะให้ความใส่ใจแก่บุคคลแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับระดับของบุคคลนั้น ตรงกันข้ามกับม่อจื๊อที่เชื่อว่า โดยหลักการแล้ว ผู้คนควรจะให้ความใส่ใจแก่คนทั้งปวงอย่างเท่าเทียมกัน ลัทธิม่อจื๊อเน้นว่าแทนที่จะปรับทัศนคติที่มีต่อบุคคลต่างประเภทกันไปคนละอย่าง ความรักควรจะเป็นสิ่งที่มอบให้อย่างปราศจากเงื่อนไขและมอบให้แก่ทุกคนโดยไม่คำนึงถึงการตอบแทน ไม่เพียงแต่ในกลุ่มมิตรสหาย ครอบครัวและผู้นับถือลัทธิขงจื๊อด้วยกันเท่านั้น ในภายหลัง ศาสนาพุทธในประเทศจีน คำว่า "อ้าย" ถูกใช้เพื่อหมายถึงความรักลึกซึ้งและเอาใจใส่และถูกพิจารณาว่าเป็นความปรารถนาพื้นฐาน ในศาสนาพุทธ อ้ายนั้นสามารถเป็นสิ่งที่เห็นแก่ตัวหรือไม่ก็ได้ และความรักแบบไม่เห็นแก่ตัวนี้เองที่เป็นหลักการสำคัญที่นำไปสู่การรู้แจ้ง

ในจีนร่วมสมัย อ้ายมักถูกใช้เทียบเท่ากับแนวคิดความรักในทางตะวันตกอยู่บ่อยครั้ง อ้ายสามารถเป็นได้ทั้งคำกริยาและคำนาม อย่างไรก็ตาม เนื่องจากอิทธิพลของเรินในลัทธิขงจื๊อ คำกล่าวที่ว่า "我愛你" (หว่ออ้ายหนี่, "ฉันรักคุณ") จึงเป็นการถ่ายทอดความรู้สึกถึงความรับผิดชอบ การผูกมัดและความภักดีที่มีเฉพาะตัว แทนที่จะกล่าวว่า "ฉันรักคุณ" อย่างในสังคมตะวันตกบางแห่ง ชาวจีนจึงมักกล่าวแสดงออกความรู้สึกเสน่หาค่อนข้างน้อยครั้งกว่า ดังนั้น คำกล่าวที่ว่า "我喜欢你" (หวอสี่ฮวนหนี่, "ฉันชอบคุณ") จึงเป็นการแสดงออกถึงความเสน่หาที่พบได้ทั่วไปกว่าในหมู่ชาวจีน ทั้งยังเป็นการกล่าวเล่นหยอกและจริงจังน้อยกว่า เช่นเดียวกับชาวญี่ปุ่นที่ปฏิบัติเช่นเดียวกัน ชาวจีนยังมักพูดว่า "ฉันรักคุณ" ในภาษาอังกฤษหรือภาษาต่างประเทศมากกว่าภาษาจีน

ญี่ปุ่น
แก้
สำหรับศาสนาพุทธในประเทศญี่ปุ่นนั้นมีมุมมองต่ออ้ายในแบบที่คล้ายกับศาสนาพุทธในประเทศจีน ซึ่งอ้ายนี้สามารถพัฒนาไปเป็นความเห็นแก่ตัวหรือความไม่เห็นแก่ตัวและการรู้แจ้งได้ทั้งสองทาง อะมะเอะ (甘え) คำในภาษาญี่ปุ่นซึ่งหมายถึง "การพึ่งพาแบบยอมผ่อนผัน" เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมการเลี้ยงดูเด็กให้เติบโตของญี่ปุ่น แม่ชาวญี่ปุ่นถูกคาดหวังให้โอบกอดและให้ความเมตตาแก่ลูก ๆ และเด็กจะถูกคาดหวังให้ตอบแทนแม่ของตนโดยการอยู่ใกล้ ๆ และปรนิบัติรับใช้ นักสังคมวิทยาบางคนเสนอแนะว่าปฏิสัมพันธ์ทางสังคมในญี่ปุ่นในชีวิตเมื่อเติบโตขึ้นนั้นมีรูปแบบมาจากอะมะเอะแม่-ลูกนี้เอง

กรีกโบราณ
แก้
ชาวกรีกได้แบ่งแยกอารมณ์ที่ใช้คำว่า "รัก" ออกเป็นหลายแบบ ยกตัวอย่างเช่น ในกรีกโบราณมีคำทั้งฟิเลีย อีรอส อากาเป สตอร์เก และเซเนีย อย่างไรก็ตาม เนื่องจากคำเหล่านี้เป็นคำในภาษากรีก (เช่นเดียวกับภาษาอื่นอีกหลายภาษา) จึงทำให้เป็นการยากที่จะแยกแยะความหมายของคำเหล่านี้อย่างสมบูรณ์ ขณะที่ในเวลานั้น ข้อความภาษากรีกโบราณของคัมภีร์ไบเบิลมีตัวอย่างของกริยา อากาโป ซึ่งมีความหมายเหมือนกันกับฟิลีโอ (ความรักแบบพี่น้อง)

คริสต์ศาสนิกชนผู้มีอิทธิพล ซี. เอส. ลิวอิส เขียนหนังสือชื่อ The Four Loves สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 เขียนสารสันตปาปาว่าด้วย "พระเจ้าเป็นความรัก" พระองค์ตรัสว่า มนุษย์ สร้างขึ้นตามพระฉายาของพระเจ้า ผู้ทรงเป็นความรัก สามารถปฏิบัติความรักได้ โดยมอบถวายตนเองแด่พระเจ้าและคนอื่น (อากาเป) และโดยการรับและประสบความรักของพระเจ้าในการใคร่ครวญ (อีรอส) ชีวิตนี้เป็นความรัก และตามที่พระองค์ว่านั้น เป็นชีวิตของนักบุญอย่างแม่ชีเทเรซา และพระแม่มารีย์ และเป็นทิศทางที่ศริสต์ศาสนชิกชนยึดถือเมื่อพวกเขาเชื่อว่าพระเจ้ารักตน[26]

ในศาสนาคริสต์ นิยามความรักในทางปฏิบัติแล้ว สามารถสรุปได้ดีที่สุดโดยนักบุญโทมัส อควีนาส ผู้นิยามความรักไว้ว่าเป็น "การหวังดีต่อคนอื่น" หรือปรารถนาให้ผู้อื่นประสบความสำเร็จ ซึ่งเป็นคำอธิบายของความต้องการของคริสต์ศาสนิกชนที่จะรักผู้อื่น รวมทั้งศัตรูของตนด้วย ตามคำอธิบายของโทมัส อควีนาส ความรักแบบคริสต์ศาสนิกชนมาจากความต้องการเห็นผู้อื่นประสบความสำเร็จในชีวิต คือ การเป็นคนดี


มองหาความรักที่แท้จริง ด้วยการรู้จักนิยามรักคืออะไร 50 นิยามต่อไปนี้
รักคืออะไร เมื่อคน ๆ หนึ่งรู้สึกรักแล้วจะแสดงออกแบบไหน หรือนิยามความรักคืออะไร ถ้าคุณยังไม่รู้ แนะนำการอ่านนิยามสั้น ๆ ของความรัก 50 ข้อ ที่จะทำให้คุณได้รู้ว่ารักแท้อยู่ใกล้คุณแล้วหรือไม่ ดังนี้

1.ความรัก คือ ความรู้สึกที่เจอใครบางคนทุกวัน หรือแทบจะทั้งวัน แต่กลับยังรู้สึกคิดถึงอยู่เสมอ โดยเฉพาะเวลาที่ต้องอยู่คนเดียว

2.เมื่อความรักเกิดขึ้น ย่อมทำให้คนสองคนเข้าใจซึ่งกันและกันมากขึ้น พร้อมที่จะรับฟังความคิดเห็นของกันและกันอยู่เสมอ

3.ถ้าจำเป็นต้องทำกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่งให้เสร็จเรียบร้อย แต่คุณยังรู้สึกอยากคุย หรือฟังเรื่องเล่าต่าง ๆ ของเขา จนอาจกลายเป็นการนำโทรทัศน์เข้าห้องน้ำไปคุยด้วย หรือคุยได้ตลอดเวลาจากทุกที่ นั่นคือหนึ่งในรูปแบบความรัก

4.ความรัก คือ ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาใดก็ตาม หรือแม้แต่ช่วงนอนหลับ และไม่ว่าเขาหรือเธอจะตื่นนอนมาด้วยหน้าตาแบบใด ก็ทำให้คุณยิ้มได้เมื่อเห็นหน้าเสมอ

5.เมื่อใดที่คุณรู้สึกสงสัยความรัก คืออะไรกันแน่ ให้คุณลองสังเกตดูว่ามีใครบ้าง ที่ทำให้รู้สึกอยากจะซื้อของไปเซอร์ไพรส์ ในวันสำคัญต่าง ๆ เป็นพิเศษหรือไม่? ถ้ามี! นั่นหมายถึงความรักรอคุณอยู่ที่หน้าประตูแล้ว

6.ความเคารพที่มีให้ซึ่งกันและกัน รวมไปถึงความเข้าใจแต่ละฝ่ายอยู่เสมอ คือ ความรักที่แท้จริง

7.การมีความรัก คือ การพร้อมปรับเปลี่ยนไปสู่คนใหม่ที่ดีกว่า ไม่ใช่การปรับเพียงแค่ฝั่งใดฝั่งหนึ่ง แต่เป็นการปรับด้วยกันทั้งคู่ เพื่อให้เดินไปด้วยกันได้อย่างสมดุล

8.ถ้าคุณทำผิดแล้วกล้าขอโทษใครสักคนหนึ่งแบบง่าย ๆ และขอให้เขายกโทษให้ นั่นหมายถึงความรักอยู่กับคน ๆ นั้น

9.เมื่อใดที่คุณเริ่มรู้ว่าแบบไหนที่เรียกว่ารัก วันนั้นคุณจะเริ่มรู้สึกถึงการให้อภัย

10.การมีความรัก คือ การปล่อยให้คนที่ตัวเองรักได้เป็นในแบบที่ตัวเองต้องการ พร้อมสนับสนุน และเห็นเขามีความสุขอยู่เสมอ

11.ถ้าคุณมีความรักแล้ว คุณจะไม่ตัดสินใครง่าย ๆ แน่นอน โดยเฉพาะคนสำคัญของคุณ ดังนั้นไม่ว่าจะหน้าตา ฐานะ หรือเรื่องใด ๆ ของคนที่คุณสนใจเป็นพิเศษ จะไม่ใช่อุปสรรค หรือปัญหาใด ๆ แน่นอน

12.ความรัก คือ การที่คุณจะสามารถพูดคุย ตกลง และประณีประนอมในเรื่องต่าง ๆ ร่วมกันได้เสมอ

13.ความรักที่มีต่อกัน คือ การเกื้อกูลกัน ไม่ว่าจะทำกิจกรรมใด ๆ ก็ตาม คุณจะสามารถช่วยเหลือกันและกันได้ทันที โดยไม่มีการเกี่ยงเลยแม้แต่น้อย

14.ความไว้ใจซึ่งกันและกันอยู่เสมอและทุกสถานการณ์ เพียงแค่มองตาก็รู้ได้ทันทีว่าไว้ใจได้ จะหมายถึงความรักที่แท้จริง

15.เมื่อคนใดคนหนึ่งมีปัญหา อีกคนจะเข้ามารับรู้ พร้อมช่วยแก้ไขทันที จะไม่ชวนให้หลีกเลี่ยง แต่จะเผชิญหน้าไปพร้อมกัน ซึ่งถ้าคุณเจอคนในลักษณะนี้ นั่นคือความรักของคุณ

16.ถ้าคุณยังสงสัยอยู่ว่านิยามความรักคืออะไร เมื่อคุณรู้สึกเสียใจ ทุกข์ใจ หรือรู้สึกกลัว ลองจับมือใครสักคนที่คุณไว้ใจมากที่สุด คุณจะรู้ได้ทันทีว่านั่นคือความรัก

17.การมีปัญหาของความรัก จะเป็นการพูดคุยด้วยเหตุผล และเป็นการโต้เถียงที่จะมองหาความจริงใจ ไม่ใช่การทะเลาะหาเรื่องโจมตี หรือเป็นเพียงแค่การเอาชนะกันเท่านั้น

18.ความซื่อสัตย์ คือ สิ่งที่สื่อให้เห็นถึงความรักอย่างแท้จริง และความจริงใจ จะทำให้คุณมองเห็นรักแท้ที่บริสุทธิ์

19.ไม่ว่าจะมีปัญหาหรืออุปสรรคใดก็ตาม คนรักของคุณจะคอยอยู่เคียงข้างตัวคุณไปตลอด จะไม่หนีไปเพียงฝ่ายเดียวแน่นอน

20.ความรักคือการมองหาคนที่มีความสมดุล พร้อมเป็นทั้งฝั่งดีและฝั่งเตือน มีการเกื้อกูล ช่วยเหลือ และการห้ามปราม พร้อมการปรับเข้าหากันได้อย่างลงตัวที่สุด



21.การมองหาความหมาย รักคืออะไรกันแน่ จะรู้ได้ทันทีเมื่อมีคนใดคนหนึ่งเห็นคุณค่าของคุณมากที่สุด และกล้าที่จะพูดกับคุณตรง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการชื่นชมหรือการเตือน

22.การอยู่ร่วมกันของความรัก คือ การให้และการเสียสละซึ่งกันและกัน ไม่ใช่การรับเพียงแค่ฝ่ายเดียว

23.ความรักที่แท้จริง จะเป็นการแสดงออกอย่างชัดเจนทุกช่วงเวลาและทุกครั้ง ที่จะสามารถแสดงออกได้ โดยไม่ต้องพูดคำว่ารักเลยแม้แต่คำเดียว

24.เมื่อคุณใช้ชีวิต แล้วพบว่าคนใกล้ชิดให้การสนับสนุนที่ดี ให้กำลังใจเสมอ นั่นหมายความว่าคุณได้พบรักแท้แล้ว

25.ความอดทนและการรู้จักวางแผน พร้อมทำตามแผนเสมอ หรือแม้แต่การที่แผนไม่เป็นไปตามแบบที่ต้องการ แต่กลับอดทนได้ และพร้อมจะจับมือให้ผ่านไปด้วยกัน นั่นคือความรักแน่นอน

26.เพียงแค่ได้กินอาหารในร้านโปรดร่วมกัน หรือแค่การได้นั่งคุยกันในเรื่องราวดี ๆ แล้วแบ่งปันให้กันและกันฟัง ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในความสุขของชีวิต นั่นก็ถือว่าเป็นความรักแล้ว

27.เมื่อใดที่คุณสามารถหัวเราะ หรือตลกไปกับมุกฝืด ๆ ของใครสักคน และเข้าใจกันเพียงแค่สองคนเท่านั้น จะหมายถึงความรักที่คุณมีต่อเขา จึงทำให้เกิดความเข้าใจในแบบเดียวกันได้เป็นอย่างดี

28.เมื่อใดที่คุณสองคนทำเรื่องเดียวกัน หรืออยู่ในสถานการณ์เดียวกัน แล้วสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกันได้อย่างมีความสุข นั่นหมายถึงคุณพบความรักเข้าแล้ว

29.ถ้าคนที่คุณเป็นห่วง ยังกลับไม่ถึงบ้าน หรือไปทำกิจกรรมใด ๆ ที่ทำให้คุณรู้สึกไม่สบายใจ จนเกิดอาการนอนไม่หลับ มีความกระวนกระวาย นั่นหมายความว่าคนนั้นคือคนสำคัญ และเป็นผู้กำความรักของคุณอยู่

30.ความรักไม่ใช่การเอาแต่ใจหรือการเอาชนะ แต่เป็นการที่ยอมรับความผิดซึ่งกันและกัน ได้ทันที พร้อมที่จะขอโทษ และปรับปรุงใหม่เสมอ

31.การสนับสนุนความชอบของกันและกัน คือ หนึ่งในความรัก

32.การไม่ก้าวก่ายและไม่ลุกล้ำ เข้าไปในพื้นที่ส่วนตัวของกันและกันมากจนเกินไป นั่นคือความรัก

33.ถ้าคุณนอนดูซีรีย์เรื่องโปรดกับใคร คนใดคนหนึ่งได้ตลอด โดยที่เขาไม่ขัด หรือถ้ามีซีรีย์ตอนใหม่เข้ามาแล้ว ไม่มีเขานั่งอยู่เคียงข้าง จะทำให้คุณดูไม่ได้ นั่นหมายถึงเขาคือความรักของคุณ

34.ความรักเป็นเรื่องใหม่ตลอดเวลา

35.ความรัก คือ ความรู้สึกที่ทำให้ตื่นเต้น เหงื่อออก ใจสั่น และทำให้กระปรี้กระเปร่าได้ในเวลาเดียวกัน

36.เมื่อใดที่คุณมีความรัก คุณจะยอมให้คนรักเลือกทริปเที่ยว หรือเลือกสิ่งต่าง ๆ ให้กับคุณได้อย่างไร้ข้อติ

37.การเป็นเพื่อนคู่คิด การเป็นบัดดี้ที่ดี นั่นคือความรัก

38.ไม่ว่าจะเป็นของใช้ใด ๆ ในบ้าน คุณจะสามารถใช้ร่วมกันได้ทั้งหมด โดยไม่มีรังเกียจ เพราะนั่นคือความรัก

39.แม้ว่าความรักของใครหลาย ๆ คนจะไม่สมบูรณ์แบบ แต่ถ้าคุณมีหลายข้อที่กล่าวมา นั่นคือคนมีความรักที่ดีแล้ว

40.เรื่องเล็กหรือเรื่องไม่เป็นเรื่อง เมื่อไหร่ที่คุณปล่อยวางและให้มันผ่านไปได้อย่างรวดเร็ว นั่นคือการที่คุณจะรักอย่างมีคุณภาพ



41.ถ้าคุณรู้สึกเบื่อ การไปปาร์ตี้กับเพื่อนแล้วหนีไปกับใครสักคนหนึ่ง เพื่อหลบไปอยู่มุมเงียบ ๆ ส่วนตัวกันสองคน จะหมายถึงการที่คุณได้พบความรักแล้วนั่นเอง

42.ถ้ามีใครมาจูบที่หน้าผากของคุณเป็นจูบแรก หมายถึงรักแรกกันเลยทีเดียว

43.ถ้าคุณรักใครสักคน คุณจะสามารถหัวเราะ ตลก หรือทำเรื่องไม่เป็นเรื่อง ไปพร้อมกับคนที่คุณรักได้ โดยไม่คิดอะไรเลย

44.การบอกรักในทุก ๆ วันของใครบางคน ที่บอกอย่างต่อเนื่อง ยาวนาน และยังคงบอกต่อไปเรื่อย ๆ นั่นคือความหมายที่ตรงไปตรงมามากที่สุด

45.ถ้ารู้จักที่จะรัก รู้จักที่จะปล่อยวาง คุณจะพบกับความรักที่แท้จริง

46.ทุก ๆ วันของความรัก จะมีเรื่องให้คุณตื่นเต้นและสนุกสนานไปกับมันได้เสมอ

47.ความอบอุ่น ความรู้สึกสบายใจ เมื่อมีใครคนใดคนหนึ่งอยู่ข้าง ๆ จะหมายถึงความรักที่ดี

48.เมื่อคุณมีความรัก และเริ่มสงสัยว่าความรัก คืออะไรกันแน่ ให้สังเกตง่าย ๆ คือ เมื่อใดที่คน ๆ นั้นทำให้รู้สึกถึงแสงสว่างแบบไม่มีวันดับ เป็นแสงสว่างที่ชัดเจน นำทางคุณได้เสมอ จะเป็นความหมายของการเจอความรักที่แท้จริง

49.การมีความรัก จะทำให้คุณมองทุกเรื่องรอบด้านเป็นแง่บวกทั้งหมด ทำให้คุณมีความสุข ทำให้เริ่มมีความรู้สึกครบรสมากกว่าเดิม

50.ไม่ว่าช่วงเวลาไหนของความรัก จะไม่มีคำว่าหมดโปร แต่จะเป็นคำว่าสายสัมพันธ์อันยั่งยืน

สำหรับผู้ที่มีความสงสัยมานานว่าความรัก คืออะไรกันแน่ เพราะคุณยังไม่รู้ว่าความรู้สึกที่แท้จริงของความรัก จะเป็นอย่างไร รักแบบไหนที่เรียกว่ารักจริง รวมไปถึงแทบไม่รู้ว่าความรักคืออะไร คุณสามารถดูนิยามสั้น ๆ เหล่านี้ แล้วใช้ในการนำพาหัวใจของคุณไปหาความหมายของรักคืออะไร จากคนที่คุณรู้สึกดีด้วย และเพียงแค่คุณมีความกล้า รับรองว่าคุณจะพบรักที่ดีแน่นอน

hellobkk 
15 สิงหาคม 2557 เวลา 02:14 น.
สมาชิกหมายเลข 6728382 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 7426861 ซึ้ง, สมาชิกหมายเลข 6792143 ซึ้ง, สมาชิกหมายเลข 6327980 ซึ้ง, สมาชิกหมายเลข 5574312 ซึ้ง, สมาชิกหมายเลข 5006723 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 4558181 ซึ้ง, สมาชิกหมายเลข 4538961 ซึ้ง
ความคิดเห็นที่ 6
ความรักเป็นสิ่งสวยงาม สิ่งที่ทำให้โลกนี้น่าอยู่ มีความหมาย และบางครั้ง ความรักกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับใครหลายคนมีชีวิตอยู่ต่อบนโลกใบนี้ ความรู้สึกที่ดี ๆ อบอุ่น และเอื้ออาทรต่อกันและกัน เป็นอาการของคนที่มีรักทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับว่า ความรักจะไปเกิดขึ้นกับใคร และที่ไหน เวลาใด ความรักไม่มีตัวตน มองไม่เห็นด้วยตา แต่ใช้หัวใจมอง และผลของความรักก็เกิดขึ้นได้เป็นรูปธรรม
   
ความรักเปรียบได้กับหลายสิ่ง… เพราะมีมุมมองที่แตกต่างกันไปของคนที่มอง

คนบางคนเปรียบเทียบว่า ความรักเหมือน หนังสือ …. เรามักจะเลือกอ่านหนังสือที่เราชอบ ถ้าเราชอบหนังสือนิยาย เราก็จะอ่านแต่นิยาย ถ้าเราชอบหนังสือตลก เราก็เลือกแต่อ่านหนังสือตลก เราแต่ละคนก็เลือกคนรักในสไตล์ที่เราชอบ ที่เราคิดว่าเป็นแบบตัวเราที่สุด หนังสือบางเล่ม ปกสวยงาม น่าหยิบมาอ่าน เราเห็นแล้วอยากจะจับจองเป็นเจ้าของ แม้ว่าจะแพงแค่ไหน ก็ต้องซื้อมาอ่านให้ได้ แต่พอเราได้อ่านจริงๆ เรากลับพบว่า เนื้อหาแย่มาก …. และหนังสือส่วนใหญ่หน้าปกสวยงามทั้งนั้น
………. แต่หนังสือบางเล่ม หน้าปกดูอาจจะไม่สวยงามเท่าไหร่ แต่ชื่อหนังสือน่าสนใจ พอได้หยิบมาอ่าน วางไม่ลง สนุก น่าติดตาม อ่านจนจบเล่ม พออ่านจบ เก็บไว้อย่างดี หยิบมาอ่านเมื่อไหร่ ยิ้มทุกที ….
………. แต่บางเล่ม อ่านแล้ว สนุก น่าติดตาม อ่านจนจบเล่มแล้ว ก็ไม่อยากอ่านต่อ แต่ก็เก็บหนังสือไว้บนชั้นปรกติ ถามว่า ถ้าจะให้อ่านอีกรอบเอาไหม ไม่เอา รู้เรื่องหมดแล้ว ไม่อ่านอีก แต่ไม่ทิ้ง เก็บไว้ รออ่านหนังสือเล่มอื่น ๆ อีก ….
           ว่ากันว่า…คนที่ไม่ชอบอ่านหนังสือ ก็ใช่ว่าจะมีหนังสือเล่มโปรดที่ชอบไม่ได้
             ฉะนั้น คนที่เราไม่คิดอยากจะรู้จัก อาจจะเป็นคนที่ดีที่สุดในชีวิตเราก็เป็นได้
  หรือ การชอบหนังสือสักเล่ม ไม่ได้หมายความว่า หนังสือเล่มนั้นจะดีไปซะทุกหน้า ทุกบรรทัด
  เช่นเดียวกันกับที่ว่า การที่เรารักใครสักคน ก็ไม่ได้หมายความว่า เขาคนนั้นจะไม่มีข้อเสียอะไรเลย…
   ฉะนั้น อย่ารู้สึกเสียดายเวลากับการอ่านหนังสือบางเล่มจนจบ แล้วค้นพบว่าเป็นหนังสือที่เราไม่ถูกใจเอาซะเลย…จงรู้สึกดี กับการใช้เวลากับใครสักคนหนึ่งอย่างเต็มที่ ถึงแม้ว่าท้ายที่สุด เขาคนนั้นอาจจะไม่ใช่คนที่เราคิดหวังหรือตั้งใจไว้ เพราะอย่างน้อย ต่อจากนี้ไป เราจะได้เลือกคนที่ถูกและใช่สำหรับเราสักที …..



บางคนเปรียบความรักเหมือน อากาศ … มองไม่เห็น แต่สัมผัสได้ และจำเป็น ขาดอากาศไม่ได้เด็ดขาด …ส่วนใหญ่จะรู้คุณค่าของ อากาศ ก็ต่อเมื่อตอนเราใกล้หมดสติ ขาดอากาศหายใจ ทุรนทุรายอยากได้อากาศหายใจมาต่อชีวิต ณ นาทีนั้น ยอมทำทุกอย่างให้ได้อากาศมา แต่พออยู่สบายๆ ไม่ได้เห็นความสำคัญของอากาศ ……นี้แหละคือคุณค่าของความรัก ที่มักจะโดนมองข้ามไปเสมอ ๆ


บางคนก็เปรียบ ความรักเหมือน นาฬิกาทราย ด้านบน ทรายก็หล่นไปด้านล่าง ค่อย ๆ หมดไป แต่ด้านล่าง ก็มีทรายเพิ่มขึ้นทุกที ๆ เมื่อมีการให้ การรับ ต้องมีการแบ่งปันด้วย หากว่าทรายด้านบนหมดเมื่อไหร่ ก็ถึงเวลาที่ต้องกลับนาฬิกาทรายให้ทรายกลับมาหล่นใหม่อีกรอบ มีการสลับกันไปมาแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ไม่งั้น อีกฝ่ายให้ อีกฝ่ายรับอย่างเดียว เมื่อถึงที่สุดแล้วอาจจะทนอยู่ต่อไปไม่ไหว…เพราะไม่มีการแบ่งปันเกิดขึ้นเลย
บางคนก็เปรียบเทียบ ความรัก เหมือนดอกกุหลาบ…สวยงาม หอม ชวนดม มีสีสันมากมาย ให้สัมผัส แต่ระวังให้ดี มันมีหนามมาด้วย หากไม่ระวังให้ดี อาจจะบาดมือได้ เลือดออก เพราะโดนหนามแทง… แต่หลายคนก็พร้อมที่จะเข้าไปหยิบดอกกุหลาบนั้นเสมอ ๆ แม้จะรู้ว่า มันมีหนามคม !!!!!  

ไม่ว่าความรักจะเปรียบเหมือนอะไรก็ตามแต่ ความรักมีข้อดีกว่าข้อเสียเสมอ …..( มีใครแอบเถียงว่าไม่จริงบ้างไหม ) …. คนที่มีความรักเท่านั้น ที่สามารถบอกได้ว่าทำไม การมีความรักจึงเป็นสิ่งสวยงาม และมีความสุข เพราะมันหล่อเลี้ยงให้หัวใจของคนเราให้มีความสุข มีความอิ่มเอมใจ ที่บางครั้งเงินทองก็ไม่สามารถมาแทนที่ได้ ก็เพราะความรักนี้แหละที่ทำให้ใครบางคน เปลี่ยนไปเป็นคนละคนได้ และสามารถทำให้ใครบางคนยอมทำเรื่องบางเรื่องที่ไม่เคยคิดว่า ตัวเองจะทำได้ …..เพราะมันคือ ความรัก

คนที่ใจกว้าง เขาก็มองว่าความรักคือเห็นคนที่รักมีความสุข (สุขกับใครก็ตาม)
บางคนก็ว่ารักคือการครอบครอง

สำหรับผมความรักไม่ใช่เห็นคนที่รักมีความสุข กับใครก็ได้? มันทุกข์ชัดๆ
อยากให้เขามีความสุขอยู่กับเรานี่แหละ แต่ถ้าเขาอยู่กับเราแล้วไม่มีความสุข
ก็เป็นธรรมดาที่เขาจะเดินจากไป
ถ้าเรารักเขามากพอเราจะทำทุกอย่างให้เขามีความสุขได้ ถึงแม้ต้องเสียสละความสุขของเรา
ผมว่าถ้าเราทำแบบนั้นได้ เราคงรักเขาจริงๆ คืออยากเห็นเขามีความสุขในขณะที่อยู่กับเรา
แต่ถ้าทำทุกอย่างแล้วเขายังต้องการจะไป ก็ต้องปล่อยเขาไป แต่นั้นไม่ใช่การเสียสละ
มันคือการยอมรับความจริงครับ

นิยามแต่ละคนไม่เหมือนกันหรอกครับ ไม่มีใครบอกความหมายที่แท้จริงได้
เพราะความรัก มันคือการนิยาม
ตอบกลับ


สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
ผมคิดว่าความรักมันคือ นิยาม
นิยามที่แต่ละคนตั้งขึ้นซึ่งมันจะไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ที่เจอ

คนที่ใจกว้าง เขาก็มองว่าความรักคือเห็นคนที่รักมีความสุข (สุขกับใครก็ตาม)
บางคนก็ว่ารักคือการครอบครอง

สำหรับผมความรักไม่ใช่เห็นคนที่รักมีความสุข กับใครก็ได้? มันทุกข์ชัดๆ
อยากให้เขามีความสุขอยู่กับเรานี่แหละ แต่ถ้าเขาอยู่กับเราแล้วไม่มีความสุข
ก็เป็นธรรมดาที่เขาจะเดินจากไป
ถ้าเรารักเขามากพอเราจะทำทุกอย่างให้เขามีความสุขได้ ถึงแม้ต้องเสียสละความสุขของเรา
ผมว่าถ้าเราทำแบบนั้นได้ เราคงรักเขาจริงๆ คืออยากเห็นเขามีความสุขในขณะที่อยู่กับเรา
แต่ถ้าทำทุกอย่างแล้วเขายังต้องการจะไป ก็ต้องปล่อยเขาไป แต่นั้นไม่ใช่การเสียสละ
มันคือการยอมรับความจริงครับ

นิยามแต่ละคนไม่เหมือนกันหรอกครับ ไม่มีใครบอกความหมายที่แท้จริงได้
เพราะความรัก มันคือการนิยาม
 



 

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

แหล่งท่องเที่ยว77จังหวัด

คำสาบาน

การให้กำลังใจผู้ชม